loading...
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นส.กุญญาอร เรือนเงิน อดีตเจ้าหน้าที่สันทนาการเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า มีคุณลุงพิการสู้ชีวิต อยู่ที่โครงการส่งเสริมการเกษตร ในมูลนิธิสิริวัฒนาเชสเชียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สนับสนสนุนโดยสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงใหม่ สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร บ้านท่า (ร้องขี้ควาย) ต.สันผีเสื้อ

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสมจิตร ดวงตาคำ หรือลุงเบี้ยว อายุ 62 ปี บ้านเกิดอยู่หลัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เป็นผู้พิการอาศัยในมูลนิธิสิริวัฒนาเชสเชียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ฯ เป็นผู้พิการขาขาดทั้งสองข้าง ต้องนั่งรถวีลแชร์และนอนรถในเข็นตลอดเวลา และต่อสายยางเพื่อช่วยระบบขับถ่ายของร่างกายไว้ตลอดเวลา



จากนั้นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่แปลงสาธิต มช.คณะเกษตรศาสตร์ ที่เป็นสถานที่ที่ปลูกผักเพื่อการเรียนการสอนของนักศึกษา อยู่ที่นั้นนานถึง 5 โดยนั่งและนอนในรถเข็นทำงานตลอด จึงเรียนรู้เรื่องการเกษตรทั้งหมด และก็เข้ามาอยู่ที่มูลนิธีฯแห่งนี้ ตั้งแต่นั้นมาก็มาสอนชาวบ้านที่เข้ามาดูงานในมูลนิธิฯแห่งนี้ และทุกวันนี้ก็ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ และแปลงสาธิตที่นี้ก็มีความสุขดี หลังจากที่ดูแลผักที่ปลูกแล้ว ก็มาทำงานฝีมือ ที่คั่นหนังสือ ทำตุ๊กตาธรรมชาติ ตุ๊กตาทำจากลูกหมาก ลูกมะพร้าวอ่อน และเมล็กผักนานาชนิด เพื่อขายสร้างรายได้ขายในราคาไม่แพง ผู้สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่เบอร์ 086-6581584 ได้ทุกวัน
นายสมจิตร กล่าวอีกว่า การสร้างอาชีพถือว่าจำเป็นเพราะทุกวันนี้ต้องใช้เงินซื้อหารเช้า เพราะมูลนิธิฯดูแลอาหารเที่ยงและอาหารเย็นเท่านั้น ตนต้องกินยาต้องกินอาหารเช้าก่อน เพราะต้องรักษาโรคกระดูกทับเส้นและโรคความดัน แต่โชคดียังไม่เป็นโรคเบาหวาน
“ผมขอฝากว่า คนเราหากพิการแล้วต้องสู้ชีวิต เพราะว่าเกิดมาชาติหนึ่งแล้วต้องดูว่าคนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ตราบที่ยังมีลมหายใจ หากเราสู้ชีวิตสร้างความดีแล้วนั้นหากต่อไปร่างกายต้องล้มหายตายจากไปก็ยังมีชื่อเสียงที่ยังอยู่” ลุงเบี้ยว กล่าว
ด้าน น.ส.กุญญาอร เรือนเงิน อดีตเจ้าหน้าที่สันทนาการเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ กล่าวว่า ตนช่วยลุงเบี้ยว โดยได้ประสานร้านอหารใกล้บ้านคือร้านลาบต้นยาง จำหน่ายอาหารพื้นเมืองเชียงใหม่ชื่อดัง เพื่อนำสินค้าของลุงเบี้ยวออกขายต่อไป
loading...