Home » » ทึ่ง!คุณลุงเบี้ยววัย 62 สู้ชีวิตขาขาดนอนรถเข็นปลูกผัก-ทำงานฝีมือขายสร้างรายได้

ทึ่ง!คุณลุงเบี้ยววัย 62 สู้ชีวิตขาขาดนอนรถเข็นปลูกผัก-ทำงานฝีมือขายสร้างรายได้

loading...
ทึ่ง!คุณลุงเบี้ยววัย 62 สู้ชีวิตขาขาดนอนรถเข็นปลูกผัก-ทำงานฝีมือขายสร้างรายได้

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นส.กุญญาอร เรือนเงิน อดีตเจ้าหน้าที่สันทนาการเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า มีคุณลุงพิการสู้ชีวิต อยู่ที่โครงการส่งเสริมการเกษตร ในมูลนิธิสิริวัฒนาเชสเชียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สนับสนสนุนโดยสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงใหม่ สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร บ้านท่า (ร้องขี้ควาย) ต.สันผีเสื้อ


ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสมจิตร ดวงตาคำ หรือลุงเบี้ยว อายุ 62 ปี บ้านเกิดอยู่หลัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เป็นผู้พิการอาศัยในมูลนิธิสิริวัฒนาเชสเชียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ฯ เป็นผู้พิการขาขาดทั้งสองข้าง ต้องนั่งรถวีลแชร์และนอนรถในเข็นตลอดเวลา และต่อสายยางเพื่อช่วยระบบขับถ่ายของร่างกายไว้ตลอดเวลา


นายสมจิตร กล่าวว่า ตนประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชน เมื่อวัน 2 มิ.ย.2541 ขณะที่ตนเองขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จุดเกิดเหตุสามแยก ใกล้ๆ กับสีแยกสะเมิง อ.หางดง ซึ่งคู่กรณีที่ขับรถชนตนเองแล้วไม่รับผิดชอบอะไรเลย ต่อมาผู้ที่ขับรถชนตนก็เสียชีวิตไปแล้ว ตนก็ไม่ถือโทษโกรษอะไร เพราะถือว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เมื่อถึงเวลา ก็ต้องคืนเขาไป

“ต่อมาเข้ารับการรักษาที่ รพ.รวมแพทย์ และย้ายมารักษาประจำอยู่ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ อาการหนักมาก ขาหัก ก้นยุบ ลำใส้ใหญ่แตก ต้อนแรกยังไม่ตัดขารักษาตามอาการไปก่อน แต่ต่อมาแผลติดเชื้อก็ต้องตัดขาออกทั้งสองข้าง และต่อมาต้องตัดกระดูกสะโพกออก รักษาตัวจนถึงวันที่ 1 ก.ย.2543 ถือว่านานหลายปี ในช่วงที่ตนรักษาตัวได้ประมาณ 1 ปี ครึ่งภรรยาตนก็ขอแยกทางไป โดยนำลูกไปด้วย อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคดีที่หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ในขณะนี้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด จะมีเสียเงินส่วนต่างบางเท่านั้น” นายสมจิตร กล่าว


ลุงเบี้ยว กล่าวอีกว่า จากชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อออกจากโรงพยาบาลและเลิกกับภรรยา ก็ออกจากบ้านไปหาทำงาน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.2543 โดยถือคติว่า เมื่อผมยังมีมือ 10 นิ้ว และยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจอยู่จะขอสู้ชีวิตต่อไป ไปรับจ้างทำงาน เช่น ทำงานก่อสร้างเชื่อมเหล็กเสาบ้าน ก็เคยทำ วันหนึ่งทำได้ 4 ต้น ก็เคยทำมาแล้ว

จากนั้นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่แปลงสาธิต มช.คณะเกษตรศาสตร์ ที่เป็นสถานที่ที่ปลูกผักเพื่อการเรียนการสอนของนักศึกษา อยู่ที่นั้นนานถึง 5 โดยนั่งและนอนในรถเข็นทำงานตลอด จึงเรียนรู้เรื่องการเกษตรทั้งหมด และก็เข้ามาอยู่ที่มูลนิธีฯแห่งนี้ ตั้งแต่นั้นมาก็มาสอนชาวบ้านที่เข้ามาดูงานในมูลนิธิฯแห่งนี้ และทุกวันนี้ก็ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ และแปลงสาธิตที่นี้ก็มีความสุขดี หลังจากที่ดูแลผักที่ปลูกแล้ว ก็มาทำงานฝีมือ ที่คั่นหนังสือ ทำตุ๊กตาธรรมชาติ ตุ๊กตาทำจากลูกหมาก ลูกมะพร้าวอ่อน และเมล็กผักนานาชนิด เพื่อขายสร้างรายได้ขายในราคาไม่แพง ผู้สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่เบอร์ 086-6581584 ได้ทุกวัน

นายสมจิตร กล่าวอีกว่า การสร้างอาชีพถือว่าจำเป็นเพราะทุกวันนี้ต้องใช้เงินซื้อหารเช้า เพราะมูลนิธิฯดูแลอาหารเที่ยงและอาหารเย็นเท่านั้น ตนต้องกินยาต้องกินอาหารเช้าก่อน เพราะต้องรักษาโรคกระดูกทับเส้นและโรคความดัน แต่โชคดียังไม่เป็นโรคเบาหวาน

“ผมขอฝากว่า คนเราหากพิการแล้วต้องสู้ชีวิต เพราะว่าเกิดมาชาติหนึ่งแล้วต้องดูว่าคนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ตราบที่ยังมีลมหายใจ หากเราสู้ชีวิตสร้างความดีแล้วนั้นหากต่อไปร่างกายต้องล้มหายตายจากไปก็ยังมีชื่อเสียงที่ยังอยู่” ลุงเบี้ยว กล่าว

ด้าน น.ส.กุญญาอร เรือนเงิน อดีตเจ้าหน้าที่สันทนาการเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ กล่าวว่า ตนช่วยลุงเบี้ยว โดยได้ประสานร้านอหารใกล้บ้านคือร้านลาบต้นยาง จำหน่ายอาหารพื้นเมืองเชียงใหม่ชื่อดัง เพื่อนำสินค้าของลุงเบี้ยวออกขายต่อไป
loading...