Home » » ปส.จับแก๊งใหญ่เอเยนต์ยาบ้า-ยาไอซ์-ยาเค ผงะมี"นศ.สาว"วัย 22 ปีเป็นคนหาลูกค้าตามมหา’ลัยดัง

ปส.จับแก๊งใหญ่เอเยนต์ยาบ้า-ยาไอซ์-ยาเค ผงะมี"นศ.สาว"วัย 22 ปีเป็นคนหาลูกค้าตามมหา’ลัยดัง

loading...
ปส.จับแก๊งใหญ่เอเยนต์ยาบ้า-ยาไอซ์-ยาเค ผงะมี"นศ.สาว"วัย 22 ปีเป็นคนหาลูกค้าตามมหา’ลัยดัง

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 เม.ย ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส พร้อมด้วยพล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด พ.ต.อ.สุรภัค รอดโพธิ์ทอง พ.ต.อ.อดิศ เจริญศักดิ์ พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ รอง ผบก.ปส.2 โฆษก บช.ปส. พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 และพ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด จำนวน 4 ราย ประกอบด้วยนายชาคริต หรือแฟรงค์ ช้างบุญชู อายุ 29 ปี ชาวฉะเชิงเทรา น.ส.ตวงพลอย ดวงดี อายุ 22 ปี ชาวสมุทรปราการ นายคมสันต์ หรือตี๋ แซ่จึง อายุ 22 ปี และนายชานนท์ หรือต้น วงษ์ยี่ อายุ 36 ปี


โดยจับกุมได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 1 กิโลกรัม ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด ยาเค 189 ขวด รถยนต์กะบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน 1 กจ 3266 กทม. รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ 125 สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เตาอบไมโครเวฟ จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง และอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยสามารถควบคุมตัวได้ภายในร้านแมคโดนัลด์ สาขาห้างโลตัส เอ็กซ์ตร้า เลียบทางด่วนรามอินทรา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ต่อเนื่องบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในซอยนวมินทร์ 157 ถนนนวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และห้องพักเลขที่ 339/67 ซอยอินทามระ 47 แขวงและเขตดินแดง กทม.


พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับรายงานจากสายลับว่า นายชาคริต ซึ่งเป็นอดีตผู้ต้องขังยังคงมีพฤติการณ์ลักลอบค้าขายยาเสพติดหลังพ้นโทษให้กับกลุ่มนักศึกษาในเขตพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัย ย่านรัชดา ห้วยขวาง สุทธิสาร ลาดพร้าว และรามอินทรา โดยมีน.ส.ตวงพลอย แฟนสาว ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง คอยทำหน้าที่หาลูกค้าจากกลุ่มนักศึกษาภายในสถาบัน และตามสถานศึกษาย่านดังกล่าว จึงออกอุบายติดต่อนายชาคริต เพื่อทำการล่อซื้อยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคา 9 แสนบาท และยาบ้าอีกจำนวน 20 มัด ในราคา 1.6 ล้านบาท ก่อนนัดส่งมอบของกลางกันที่ภายในร้านแมคโดนัลด์ดังกล่าว ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.เรวัช กล่าวต่อว่า จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายพบนายคมสันต์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้เดินทางมาส่งมอบโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะและมีรูปพรรณสัณฐานตรงตามกับที่ได้รับรายงาน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นก่อนขยายผลจับผู้ต้องหาทั้งหมดที่เหลือ ซึ่งนั่งรอรับเงินค่ายาเสพติดอยู่ภายในรถยนต์กระบะที่บริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อดังกล่าว พร้อมทั้งนำตัวนายชาคริต และน.ส.ตวงพลอย ไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านรามอินทรา ซึ่งพบยาเคตามีนอีกจำนวน 189 ขวด ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางมาสอบสวนเพิ่มเติม


พล.ต.ท.เรวัช กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่ารับยาเสพติดมาจากนายหน้าอีกทอดหนึ่ง ส่วนยาเคตามีนนั้นได้ซื้อมาจากร้านขายยาก่อนนำมาจำหน่ายให้กับกลุ่มนักศึกษา และตามสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการขยายผลเข้าจับกุม ทั้งนี้จากการตรวจสอบในส่วนของยาเคตามีนพบว่า ทางการแพทย์จะนำมาใช้เป็นยาสลบให้กับผู้ป่วย แต่ผู้เสพยาเสพติดกลับนำมาใช้ผิดประเภทเพื่อให้เกิดอาการหลอนประสาท

"อยากฝากเตือนถึงกลุ่มนักศึกษาหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่บช.ปส. จะเน้นมาตราการเข้าจับกุมกลุ่มนักศึกษาที่แอบลักลอบจำหน่ายค้ายาเสพติดอย่างเข้มงวดเนื่องจากเป็นตัวแพร่ระบาดได้ง่ายในกลุ่มเยาวชน" พล.ต.ท.เรวัช กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายชาคริต และน.ส.ตวงพลอย ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานความผิด ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไว้ครอบครองเกินประมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนและนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 11 เม.ย. ต่อไป

นอกจากนี้พล.ต.ท.เรวัช เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณีกลุ่มชาวภูฎาน อินเดีย และเนปาล ลักลอบขนยาเสพติดโดยการนำยาไอซ์บรรจุในถุกยางแล้วกลืนไปในร่างกาย และเกิดความผิดพลาดถุงยางแตกเสียชีวิตนั้น โดยการขนถ่ายยาเสพติดแต่เดิมทีมักจะเป็นคนผิวสีมีวิธีการหลอกหญิงสาวชาวไทยมาเป็นแฟนหรือภรรยา จากนั้นจะออกอุบายอ้างพาเหยื่อไปเยี่ยมญาติที่ต่างประเทศ โดยจะอาสาจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางให้ แต่กลับแอบซุกซ่อนยาเสพติดเข้าไปในกระเป๋าด้วย ซึ่งทางบช.ปส. เคยจับกุมมาแล้วกว่า 200 ราย โดยระยะหลังขบวนการยาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการส่งผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ และวิธีสุดท้ายคือการนำยาเสพติดยัดใส่ถุงยางอนามัยก่อนกลืนลงไป แต่ก็เคยเกิดข้อผิดพลาดถุงแตกทำให้เสียชีวิตมาแล้วหลายราย ซึ่งการลำเลียงลักษณะนี้ส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี แต่ก็เพิ่งเคยพบว่าชาวภูฎานใช้วิธีการลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งแรก

loading...