loading...
แม้คดียังไม่มีความคืบหน้ามาก นัก ในทางอาญาตัวผู้กระทำความผิดทั้ง 10 นายยังไม่ได้รับการรับโทษอย่างเป็นรูปธรรม แต่ล่าสุด ก็ได้มีผู้ใช้เฟสบุ็คชื่อว่า Max Sirichai เปิดเผยข้อมูลของหลานสาวของ นายวิเชียร เผือกสม ชื่อว่า นางสาวนริศราวัลณ์ แก้วนพรัตน์ ที่เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในที่นี้เรียกเธอว่าน้องเมย์ น้องเมย์เป็นคนรวบรวมเอกสาร ยื่นฟ้อง หน่วยงาน และนายทหารทั้ง 10 นาย ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้กับคนในครอบครัวที่เสียไป แน่อยู่แล้วว่า ภาระที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเธอเปรียบเสมือนคนที่มีความรู้ที่สุดในครอบครัว ถึงแม้จะต้องขาดเรียนและเสียสมาธิเพื่อให้คดีเดินหน้า เธอก็ไม่ท้อถอย แต่ที่ทำให้เมย์รู้สึกเจ็บปวด และกั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คือ เมื่อเธอต้องโดนอำนาจมืดข่มขู่ ทั้งตัวเธอและครอบครัว จนทำให้เกิดกระแสการแชร์ในโซเชียลมีเดียเพื่อปกป้องเธอไม่ให้เคราะห์ ร้ายอย่าง น้าชายของเธออีกครั้ง ความว่า
เมย์เป็นผู้หญิงที่เรียน รด. ตอน ม.ปลาย เพราะสนใจการฝึกทหาร แต่ยังไม่ใช่ประเด็น
ตอน เมย์เรียนอยู่ปี 2 คนในครอบครัวที่สนิทสนมและผูกพันมานาน คือ น้า วัย 26 ปี ไปสมัครเกณฑ์ทหาร แถมยังอาสาลงไปหน่วยที่ 3 จังหวัดใต้ ชื่อ วิเชียร ไม่ชัวร์ว่าเขาคิดอะไรขณะนั้น เพราะเขาไม่อยู่มาเล่าให้ฟังแล้ว (เราโพสเรื่องนี้บ่อยจนบางคนอาจจะเบื่อ แต่นี่เป็นอีกมุมที่น่าเล่ามาก)
แต่ วันที่ 2 ของการฝึก มันคือจุดเริ่มต้นของนรกบนดิน วิเชียรเป็นลมขณะยืนแถว ครูฝึกบอกว่าแกล้งทำสำออย แล้วเริ่มลงโทษหนักกว่าคนอื่นทุกวัน
ต่อ มา วิเชียรเผลอเรียกตัวเองว่า “อาตมา” และเรียกครูฝึกว่า “โยม” เพราะก่อนเข้าค่าย เขาเพิ่งสึกจากพระซึ่งเป็นมานานถึง 8 ปี ครูฝึกก็ด่าประมาณว่า “กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ” วิเชียรบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ครูฝึกคิดว่าท้าทาย อยากโดน ก็เลยลงโทษทางร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ
วัน ที่ 9 ของการฝึก วิเชียรทนไม่ไหว ตัดสินใจหนีกับเพื่อน 3 คน ครูฝึกตามล่าตัวกลับมาได้ในวันเดียวกัน และไม่ได้ทำโทษให้เหนื่อย เช่น วิ่ง ดันพื้น ลุกหมอบ ฯลฯ อย่างเดียวแล้ว แต่มีการเฆี่ยน ตี ตบ กระทืบด้วยคอมเเบท
(นึกถึงสภาพจิตใจคนที่เป็นพระมาตลอด 8 ปี จู่ๆมาเจออะไรแบบนี้)
วิเชียร หนีออกจากค่ายอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยลำพัง และไม่มีเงินติดตัว ผ่านไป 3 วัน โดนผู้ใหญ่บ้านพามาส่งกลับที่ค่ายทหาร
แล้ว ขุมนรกบนดินอย่างแท้จริงก็เปิดฉาก วิเชียรโดนฆ่าทรมานอย่างทารุณเท่าที่เราจะจินตนาการได้ กลางสถานที่ราชการ โดยข้าราชการ ท่ามกลางข้าราชการและทหารใหม่นับ 200 คน ใครยังไม่รู้ ชมเหตุการณ์จำลองใน https://www.youtube.com/watch?v=PuW4RZShmg0#t=29m20s
สภาพศพ http://pantip.com/topic/34382712
……………………………………………
ขณะเมย์เรียนอยู่ ปี 2 ต้องเผชิญความจริงว่า น้าจากไปไม่มีวันกลับแล้ว แต่สิ่งที่คนเป็นต้องเจอหลังจากนั้นก็โหดร้ายซ้ำสอง
บอส ของหน่วยฝึกที่เพิ่งฆ่าคน มาเสนอคลุมธงชาติและจะขอพระราชทานเพลิงศพ ครอบครัวยอมไม่ได้ เพราะมันเหมือนการกลบเรื่องว่า “เขาตายในหน้าที่แบบชายชาติทหาร” ทั้งที่ตายเพราะ “ถูกทหารยศสูงกว่าฆ่าทรมาน”
มีอดีตทหารอีกรายมาเกลี้ยกล่อม “คนตายไปแล้ว ควรคิดถึงคนที่มีชีวิตอยู่มากกว่าร้องเรียนไปก็เท่านั้น มีแต่เสียกับเสีย แล้วเป็นแค่ชาวนาจะเอาปัญญาอะไรไปสู้กับเขา ถ้าตายในหน้าที่ยังได้เงินทดแทนแสนสองแสน”
บอสหน่วยฝึกชี้แจงว่า ปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิตแล้ว 1 นาย จ่ายไป 3 ล้าน ถ้าทางบ้านจะเอาอย่างนั้นก็ได้ (แต่พอรู้ว่าทหารเกณฑ์ที่ตายไปจบ ป.โท ก็เสนอตังค์ปิดปากเพิ่มเป็น 5 ล้าน)
แต่เมย์ยืนยันจะเอาเรื่องคน ทำผิด การข่มขู่เริ่มขึ้น มีคนส่งกระสุนปืนใส่ซองธูป มาที่บ้านเมย์ .. มีรถตู้ปริศนาหลายคันมาจอดแถวๆบ้าน .. มีทหารมาถามคนในพื้นที่ว่า บ้านของวิเชียรคือหลังไหน …. แม่ของผู้ตายก็เคยถูกถาม จนต้องแกล้งเป็นใบ้
ครอบครัวต้องทำหนังสือให้ตำรวจมาดูแลในงานศพ การนำศพไปชันสูตรก่อนเผา ก็ต้องทำอย่างลับๆ เพราะกลัวถูกทหารกันท่า
เมย์ ต้องพูดต่อหน้าทหารและทุกคนที่มาในงานศพว่า ครอบครัวของเธอไม่เกี่ยวข้อง เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เดินเรื่องในการเอาผิดคนทำ ฉะนั้น “ถ้าจะทำอะไร ก็ทำหนูคนเดียว อย่าไปยุ่งกับครอบครัว”
เมย์ส่งหนังสือขอให้ทหารสอบสวนและเอาผิดเรื่องนี้ เริ่มจาก
1. ทำหนังสือส่งไปที่หน่วยที่วิเชียรไปฝึก … แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
2. ทำหนังสือส่งไปที่หน่วยที่ใหญ่กว่า ดูแล 3 จังหวัดใต้ .. แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
3. ทำหนังสือส่งไปที่แม่ทัพภาค 4 .. แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
4. ทำหนังสือส่งไปหาประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทัพบกในตอนนั้น .. แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
… สะท้อนว่า ชีวิตพลเรือนที่มาเกณฑ์ทหาร 1 ชีวิต เป็นผักปลา และไร้ค่าในสายตาทหารขนาดไหน …
สัปดาห์ ที่ผ่านมา เราสัมภาษณ์เมย์ และเธอได้เอาหนังสือที่ตัวเองเดินเรื่องทั้งหมดมาวางเรียงกัน 20-30 ฉบับ ดังภาพ และกระทบการเรียนมาก กับการที่ต้องมาวิ่งวุ่นไปทั่ว เพราะคนในครอบครัวถูกฆ่า โดยไม่มีใครทำอะไร และหน่วยงานที่ไปร้องเรียนไว้ เรียกเอกสาร ก็ต้องทิ้งห้องเรียนเดินทางไปหาทันที หลายๆครั้งเรียนไม่รู้เรื่อง เมย์เล่าว่าเคยถึงกับร้องไห้ออกมากลางชั้นเรียน เพราะทุกๆอย่างมันเกินกว่าที่เด็กปี 2 จะรับไหว แต่อาจารย์หลายคนก็ช่วยเรื่องการเรียน
วันที่เมย์มาให้สัมภาษณ์ ยังบอกว่า ทุกวันนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างระวังตัว ไม่ประมาท 4 ปีที่ผ่านมา worst case ที่ต้องระวังตัวคือ “การถูกอุ้ม”
พลเรือนไม่สามารถ ฟ้องทหารโดยตรงได้ หากทหารฆ่าคนในครอบครัว **ทุกคนในประเทศนี้จงตระหนักไว้** ต้องให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ฟ้องเอง และต้องผ่านการชี้มูลว่า “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ก่อน…… เธอเดินเรื่องไปฟ้อง ป.ป.ช. เวลาผ่านไปน๊านนนนาน ป.ป.ช. บอกว่าตัวเองมีอำนาจพิจารณาเฉพาะความผิดทหารยศพลตรีขึ้นไป… จึงโยนเรื่องไปอีกองค์กร คือ ป.ป.ท. และเริ่ม start ใหม่….
เมย์เสียเวลาไปทั้งหมด 4 ปี และฆาตกรเหล่านั้นยังใช้ชีวิตตามปกติ รับราชการ กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน
บอส ของหน่วยฝึก คือคนสั่งกระทืบ ระหว่างที่วิเชียรถูกกระทืบและร้องโหยหวน บอสคนนั้นรู้สึกว่ามันเสียงดัง จนต้องชะโงกหน้าออกมาบอกว่า “ทำเบาลงหน่อย” ครูฝึกพาวิเชียรไปกระทืบต่อ โดยนางไม่ได้ออกมาห้าม หลังวิเชียรตาย เป็นคนมาเสนอคลุมธงชาติ เสนอเงิน กลบเรื่องราว
ตอนนั้นบอสหน่วย ฝึกมียศเป็นร้อยโท และปัจจุบันหัวหน้าฆาตกรคนนี้ เลื่อนยศเป็น “ร้อยเอก” และกำลังจะเลื่อนขั้นเป็น “พันตรี” … ที่สำคัญ นางมีพ่อเป็น “พลโท” จึงน่าสังเกตว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่นางยังสามารถกินเงินเดือนภาษีประชาชน ทั้งที่เพิ่งไปพรากลูกเขามา “ฆ่า” จนทุกวันนี้
ตอนนี้มีเพจที่พยายามจะแฉนาง คือ https://web.facebook.com/lalongnews
———
ตอน เราเป็นทหารเกณฑ์ เราคิดว่าตัวเองโชคดีที่อยู่ในหน่วยที่ความรุนแรงน้อยมากแล้ว หากเปรียบเทียบกับอีกหลายค่ายที่เคยได้ยิน ที่เคยเห็นมีแค่
-เพื่อน 3 คน หนีออกนอกค่ายไปกินเหล้าตอนดึก พอปีนกำแพงกลับมา ถูกครูฝึกลากมารุมกระทืบ และคืนนั้นให้นอนพื้นปูนหน้าหน่วยฝึก ที่เหลือก็ถูกลงโทษโดยการตบหน้า และให้ออกแรง
-เพื่อนคนหนึ่ง ถูกจับได้ว่าขโมยของ ถูกกระทืบ ถูกไม้เฆี่ยน ถูกสอบสวนไป ตบหน้าแรงๆไปด้วย
-เพื่อนจากอีกหมวด 3 คน ถูกจับได้ว่าเสพยามั้ง(ไม่แน่ใจความผิด) ถูกเฆี่ยนจนตูดแตก
-ทั้งนี้ บอสหน่วยฝึกเรา เคยกล่าวไว้วันแรกๆว่า หน่วยนี้ไม่อนุญาตให้มีการใช้กำลังกระทืบ ตบ ต่อย
-และทั้งนี้อีก ทางกองทัพ เคยออกระเบียบว่า ห้ามแตะเนื้อต้องตัวหรือทำร้ายทหารเกณฑ์
-ทั้งหมด ไม่ถูกนำมาบังคับจริง
-“เสียชีพอย่าเสียสัตย์” คงใช้สอนได้เฉพาะกับลูกเสือ
-จบ ขอบคุณที่อ่าน ทุกคนคงเห็นแล้วว่าเราอินกับเรื่องนี้มาก และมันทำให้เราสะเทือนขวัญมาก เพราะเคยรู้ว่า “มันใกล้ตัว” ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ยังเพิกเฉยกับเรื่องนี้ เมย์ยังคงวิ่งไปตามสื่อต่างๆเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้เยอะที่สุด หวังให้เป็นกระแส แต่จุดติดยากจริง ได้แต่หวังลมแล้งๆว่าจะไม่มีใครต้องมาโดนแบบนี้อีก
http://www.siamupdate.com/news-182160
loading...